หน้าหลัก
เกี่ยวกับเรา
บริการ
ข่าวและบทความ
ภาพบรรยากาศ
ติดต่อ
ภาษา
เข้าสู่ระบบ
บทความสุขภาพ

CATH LAB ห้องปฏิบัติการตรวจและการฉีดสีสวนหลอดเลือดหัวใจ...เร็วๆนี้

-->

โนโรไวรัส เชื้อร้าย ระบาดมากในเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรเฝ้าระวัง
โนโรไวรัส เชื้อร้าย ระบาดมากในเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรเฝ้าระวัง . โนโรไวรัส (Norovirus) สาเหตุการอักเสบติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร . กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กเด็กแห่งชาติมหาราชินี แนะผู้ปกครองหมั่นดูแลสุขภาพอนามัยเด็ก ๆ หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ รับประทานอาหารปรุงสดใหม่ สุก สะอาด เพื่อช่วยลดการอักเสบติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร . นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการเเพทย์ เปิดเผยว่า โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร ที่พบได้บ่อยในเด็ก เชื้อนี้มีความสามารถที่จะแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว แม้ได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย เนื่องจากสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้เป็นเวลานาน และทนต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆได้ดี หลังจากได้รับเชื้อ มักจะมีอาการภายใน 12- 48 ชั่วโมง อาการแสดงของโรคที่พบได้บ่อย คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเป็นน้ำ ปวดท้อง อาจมีไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว และอาจมีภาวะขาดน้ำที่อาจเกิดในผู้ป่วยเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1-3 วัน สถานการณ์ในสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี พบมีจำนวนมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยนอกมีจำนวนไม่มากนักที่มีอาการรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามการรายงานอาจจะต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อมีราคาค่อนข้างสูง จึงไม่ได้ส่งตรวจในผู้ป่วยทุกราย ยกเว้นในรายที่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือมีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย เพื่อใช้ในการแยกโรคเป็นหลัก . นายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันยังไม่มียาหรือการรักษาเฉพาะเจาะจง แต่เป็นการดูแลตามอาการที่เกิดขึ้น และส่วนใหญ่ อาการต่าง ๆ จะดีขึ้นได้ในเวลา 3-4 วัน ในรายที่อาการไม่รุนแรง ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ ในกรณีที่อาเจียนและท้องเสีย ให้ทานอาหารอ่อนๆ ร่วมกับให้ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง ตามอาการ ในรายที่มีภาวะขาดสารน้ำค่อนข้างมาก หรือมีอาเจียน ปวดท้อง และถ่ายตลอด อาจเกิดอันตรายจากการขาดน้ำ ส่งผลให้เกิดภาวะทำให้ช็อค ความดันโลหิตต่ำ พิจารณาให้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด และติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยที่จะมีโอกาสเกิดอันตรายจากการขาดน้ำได้แก่ ผู้ป่วยเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว วิธีการป้องกันในสถานศึกษาหรือในศูนย์เด็กเล็กแนะนำให้หมั่นรักษาสุขอนามัยด้วยการล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ทำความสะอาดพื้นหรือสิ่งแวดล้อม หรือจุดเสี่ยงที่คาดไม่ถึง ที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน - ปุ่มลิฟต์ ลูกบิดประตู แท็บเล็ตหรือโทรศัพท์ที่ใช้ร่วมกัน พื้นผิวเหล่านี้สามารถเป็นแหล่งสะสมเชื้อได้เป็นเวลาหลายวัน โดยโซเดียมไฮโปคลอไรด์ ไม่ควรใช้ 70% แอลกอฮอล์ เนื่องจากเป็นเชื้อไวรัสไม่มีเปลือกหุ้ม และมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อการฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ การล้างมือบ่อยๆ จึงสำคัญมาก กรณีที่มีเด็กป่วย แนะนำให้แยกตัวเพื่อรักษาอาการที่บ้านเป็นเวลา 48 ชั่วโมงหลังจากอาการดีขึ้นเป็นปกติ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรพามาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยต่อไป . ขอขอบคุณข้อมูลจาก #กรมการแพทย์ #โนโรไวรัส

อ่านต่อ 2024/12/16


โรคไอกรน การติดเชื้อทางเดินหายใจ ภาวะแทรกซ้อนอันตราย อาการ วิธีป้องกัน คุณพ่อคุณเเม่ควรเฝ้าระวัง
#โรคไอกรน การติดเชื้อทางเดินหายใจ ภาวะแทรกซ้อนอันตราย อาการ-วิธีป้องกัน คุณพ่อคุณเเม่ควรเฝ้าระวัง . สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติฯ กรมการแพทย์ เผยกลุ่มเสี่ยง "โรคไอกรน" ที่อาการจะรุนแรง เผยอาการที่ต้องรีบพบแพทย์ เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ระบบทางเดินหายใจ สามารถติดต่อได้ง่ายผ่านการไอ จาม และการหายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อเข้าไป ย้ำมีวัคซีนป้องกัน . ไอกรน (Whooping Cough) โรค ไอกรนเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ และเกิดอาการไอ ที่มีลักษณะพิเศษคือ ไอซ้อนๆ ติดๆ กัน 5-10 ครั้ง หรือมากกว่านั้นจนเด็กหายใจไม่ทัน จึงหยุดไอ และมีอาการหายใจเข้าลึกๆ เป็นเสียง วู๊ป (Whooping cough) สลับกันไปกับการไอเป็นชุดๆ จึงมีชื่อเรียกว่า “โรคไอกรน” บางครั้งอาการอาจจะเรื้อรังนานเป็นเวลา 2-3 เดือน . อาการ อาการคลาสสิกคือเสียง "ฮู้ป" ซึ่งเป็นเสียงของคนที่หายใจหอบในช่วงที่ไออย่างหนัก แต่คุณอาจติดเชื้อได้โดยไม่ต้องมีเสียง "ฮู้ป" อาการไอฮู้ปสามารถแพร่กระจายได้ก่อนที่จะมีอาการ การวินิจฉัยอาจทำได้ยากเนื่องจากอาการในระยะเริ่มแรกอาจปรากฏขึ้นเหมือนกับไข้หวัดธรรมดาหรือหลอดลมอักเสบ . โรคไอกรนสามารถแพร่สู่ทารกที่อ่อนแอซึ่งยังไม่ได้รับวัคซีนใดๆ หรือฉีดให้ครบโดส ทารกอาจเกิดอาการปอดบวม หายใจช้าหรือหยุดหายใจ หรือชัก ส่วนทารกอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหรือถึงแก่ชีวิตได้ . การรักษา มียาปฏิชีวนะหลายชนิดที่ใช้รักษาโรคไอกรนได้ และการรักษาในระยะเริ่มต้นถือเป็นสิ่งสำคัญมาก การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะทำให้การติดเชื้อไม่รุนแรงหากเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่อาการไอจะเริ่มขึ้น นอกจากนี้ ยาปฏิชีวนะยังอาจช่วยลดระยะเวลาที่บุคคลจะแพร่เชื้อได้ ซึ่งสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ โรคไอกรนบางครั้งอาจร้ายแรงมากจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล . การป้องกัน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรนในเด็ก อายุน้อยกว่า 6 ปี จำนวน 4-5 ครั้ง • ครั้งที่ 1 อายุ 2 เดือน • ครั้งที่ 2 อายุ 4 เดือน • ครั้งที่ 3 อายุ 6 เดือน • ครั้งที่ 4 อายุ 18 เดือน • ครั้งที่ 5 ฉีดวัคซีนกระตุ้น เมื่ออายุ 4 ปี . หากบุตรหลานมีอาการข้างต้น ควรรีบพบแพทย์ทันที! . ที่มา: กรมควบคุมโรค, กรุงเทพธุรกิจ . ให้เราดูแลคุณในทุกปัญหาสุขภาพ . ดูแลคุณ ด้วยหัวใจ โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์

อ่านต่อ 2024/11/13


4 โรคเรื้อรัง เพิ่มความเสี่ยง…โรคหัวใจ!
4 โรคเรื้อรัง เพิ่มความเสี่ยง…โรคหัวใจ! . เนื่องจากปัจจุบัน พฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้เปลี่ยนแปลงไป ทั้งเรื่องอาหารการกิน การดื่มแอลกอฮอล์มาก การออกกำลังกายน้อย ความเครียดจากการทำงาน ทำให้สุขภาพร่างกายถูกทำลายไปเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน โรคอ้วน และโรคไต ซึ่งหลายคนอาจมองว่าโรคเรื้อรังเหล่านี้ไม่ร้ายแรง แต่รู้หรือไม่ว่าโรคเรื้อรังเหล่านี้ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดโรคหัวใจในอนาคต และอาจเสี่ยงต่อภาวะรุนแรงที่ส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตเฉียบพลันได้ . โรคความดันโลหิตสูง”หัวใจทำงานหนัก..จนเสี่ยงหัวใจล้มเหลว เมื่อระดับความดันโลหิตสูง…จะส่งผลให้หัวใจต้องบีบตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมความดันโลหิตสูงมีผลต่อการเกิดโรคหัวใจได้ โดยจะส่งผลทำให้เกิดหัวใจโต และหลอดเลือดหัวใจหนาตัวและแข็งตัวขึ้น ผู้ป่วยจึงมักมีอาการเจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด และท้ายที่สุด..อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตแบบเฉียบพลันได้ . โรคเบาหวาน เพิ่มโอกาสโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเบาหวานเป็นอีกโรคเรื้อรังที่พบมาก และผู้ป่วยหลายรายเข้าใจว่าเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่จริงๆ แล้ว ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักเสียชีวิตเพราะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมากเป็นอันดับ 1 เลยทีเดียว! เบาหวานยังเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ที่มีอายุน้อย เพราะระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจะส่งผลให้หลอดเลือดแดงเกิดความผิดปกติและเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วนั่นเอง . โรคอ้วนลงพุงโรคฮิต…นำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งเมื่อเกิดการสะสมของไขมันบริเวณช่องท้องมากเกินไป ไขมันเหล่านี้จะสามารถแตกตัวกลายเป็น “กรดไขมันอิสระ” เข้าไปยับยั้งกระบวนการเผาผลาญกลูโคสที่กล้ามเนื้อ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หรืออาจเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ตีบ และอุดตันได้ . โรคไขมันในเลือดสูง ทำเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไขมันในเลือดสูงเป็นปัจจัยเพิ่มโอกาสของการเกิดหลอดเลือดตีบตันได้ง่าย และหากเกิดขึ้นกับหลอดเลือดหัวใจก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ซึ่งนอกจากคนอ้วนแล้ว ในคนผอมเองก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เพราะนอกจากไขมันที่สะสมอยู่บริเวณหน้าท้อง (visceral fat) หรือไขมันใต้ผิวหนัง (subcutaneous fat) ไขมันยังสามารถอยู่ภายในหลอดเลือด (intravascular lipid) ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น การไม่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีไขมันสะสมอยู่ที่ผนังหลอดเลือด นั่นคือเหตุผลที่ว่า.. ทำไมคนผอมจึงเสี่ยงเป็นโรคหัวใจขาดเลือด . เพราะอวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานสัมพันธ์กัน การดูแลสุขภาพให้ดีห่างไกลจากโรคเรื้อรังก็เท่ากับเป็นการป้องกันโรคหัวใจไปในตัวด้วยเช่นกัน หันมาดูแลตัวเองกันสักนิด เลือกทานอาหารดีๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เท่านี้ก็ช่วยให้ห่างไกลโรคเรื้อรัง ห่างไกลโรคหัวใจ

อ่านต่อ 2024/10/30


การฉีด และขยาย หลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Angiography CAG) และการขยายหลอดเลือดหัวใจ PCI คืออะไร ใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง
การฉีด และขยาย หลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Angiography - CAG) และการขยายหลอดเลือดหัวใจ PCI คืออะไร ใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง . การสวนหลอดเลือดหัวใจทางหลอดเลือดแดง(Coronary Artery Angiography - CAG) คือการใส่สายสวนเข้าไปทางหลอดเลือดแดง โดยสามารถทำได้ที่เส้นเลือดแดงที่แขนและขาหนีบ และฉีดสารทึบรังสี เข้าไปดูหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจว่ามีการตีบหรือตันของเส้นเลือดหัวใจหรือไม่ มากน้อยเพียงใด รวมทั้งการฉีดสารทึบรังสีในห้องหัวใจเพื่อตรวจสอบความสามารถในการบีบตัวของหัวใจ ความดันของห้องหัวใจ และการรั่วของลิ้นหัวใจ หากพบมีการตีบหรือตัน แพทย์จะพิจารณารักษาด้วยการขยายหลอดเลือดหัวใจโดยใช้บอลลูนขยายหลอดเลือดและขดลวด (Percutaneous Coronary Intervention - PCI) โดยปกติมักทำเมื่อมีการตีบที่รุนแรงมากกว่า 70% . การสวนหลอดเลือดหัวใจ CAG และ PCI ใช้ในการรักษาโรคอะไรได้บ้าง . การสวนหลอดเลือดหัวใจเป็นการวินิจฉัยภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน หรือภาวะผิดปกติของหัวใจอื่น ๆ เพื่อพิจารณาแนวทางการรักษาต่อด้วยวิธีใช้บอลลูนขยายหลอดเลือด (Percutaneous Coronary Intervention - PCI) ซึ่งไม่ต้องทำการผ่าตัด หรือการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเพื่อสร้างทางเดินของเลือดใหม่ (Coronary Artery Bypass Graft : CABG) . อาการบ่งชี้ของภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน . มีอาการเหนื่อย แน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรมาทับ ร้าวไปที่แขน ไหล่ หรือกรามซ้าย มีอาการเหงื่อออก มักเป็นเวลาที่ออกแรง ผู้ที่เคยมีอาการเจ็บแน่นหัวใจมาก่อน เมื่อพักแล้วดีขึ้น แต่ต่อมาอาจมีอาการแย่ลง โดยอาการไม่หายไปเมื่อพัก หรือไม่ดีขึ้นหลังอมยาอมใต้ลิ้น เป็นต้น . โรคหัวใจ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นได้ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ควรตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำทุกปี . ห้องปฎิบัติการตรวจและการฉีดสีสวนหลอดเลือดหัวใจ( CATH LAB)โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ ให้บริการ 24 ชม. #พร้อมให้บริการอย่างครบวงจรเร็วๆนี้ . ดูแลคุณ ด้วยหัวใจ โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์

อ่านต่อ 2024/10/22


8 โรคยอดฮิต ช่วงปลายฝนต้นหนาว มาฝาก พร้อมคำแนะนำให้การดูแลสุขภาพในช่วงนี้
ปลายฝนต้นหนาว คือช่วงรอยต่อระหว่างฤดูฝนกับฤดูหนาว และแน่นอนว่าอากาศในช่วงนี้ จะลดต่ำลงเกือบทุกภูมิภาคของประเทศไทย แถมยังมีมรสุมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สภาพอากาศแปรปรวนบ่อย เป็นสาเหตุทำให้เจ็บป่วยได้หลายโรค . 8 โรคยอดฮิต ช่วงปลายฝนต้นหนาว มาฝาก พร้อมคำแนะนำให้การดูแลสุขภาพในช่วงนี้ มาติดตามกันเลย.... . 1. โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) สามารถติดต่อกันได้ง่าย จากการไอ จาม ใส่กัน โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย . อาการ : หลังรับเชื้อมักมีอาการทันที หรือประมาณ 1-2 วัน จะมีอาการไข้สูง 38-41 องศาเซลเซียส หลายวัน ตัวร้อน หนาวสั่น มีน้ำมูก ปวดหัวรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก เบื่ออาหาร . วิธีรักษา : รักษาตามอาการ หากมีไข้ให้รับประทานยาลดไข้ ห้ามใช้ยาแอสไพริน หากทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ . 2. โรคปอดบวม (Pneumonia) โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ เป็นโรคที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบของปอด เกิดได้จากการติดเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา โรคนี้พบได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะจะพบมากในเด็กเล็ก . อาการ : ไอ มีเสมหะ มีไข้ เหนื่อย หายใจลำบาก หายใจหอบเร็ว เจ็บหน้าอก นอกจากนี้บางคนอาจมีอาการอื่น เช่น ปวดท้อง อาเจียน หรือถ่ายเหลวร่วมด้วย โดยเฉพาะในเด็ก . วิธีรักษา : ทุกคนที่มีอาการไข้ไอ เหนื่อย หรือหายใจเร็ว ควรเข้าพบแพทย์ . 3. โรคไข้หวัด (Common cold) ไข้หวัด เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบริเวณ ทางเดินหายใจส่วนบน เช่นจมูก คอ ไซนัส และกล่องเสียง เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัด มีสายพันธุ์ย่อย ๆ มากกว่า 200 ชนิดเลยทีเดียว แต่ไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัดได้มากที่สุด คือ ไรโนไวรัส . อาการ : มีไข้ต่ำ ๆ น้ำมูกไหล คัดจมูก ไอแห้ง ๆ หรือไอมีเสมหะเล็กน้อย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย . วิธีรักษา : นอนพักผ่อนให้มาก ๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอ กินยาลดไข้ ห้ามใช้ยาแอสไพริน . 4. โรคหอบหืด (asthma) โรคหอบหืด ก็เป็นอีกหนึ่งภัยร้ายที่มาพร้อมหน้าฝน เพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ความชื้นที่ทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย ล้วนเป็นสาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เกิดภาวะหอบหืดเฉียบพลัน โรคหอบหืดยังไม่มีการรักษาโรคให้หายขาดได้ . อาการ : หอบ หายใจลำบาก ไอในตอนเช้า ตอนกลางคืนมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล โดยทุก 2 ใน 3 รายมักมีโรคภูมิแพ้หูคอจมูกร่วมด้วย . วิธีรักษา : ผู้ป่วยโรคหอบหืด จะมียาประจำในการรักษา ได้แก่ ยากิน ยาฉีด และยาสูดพ่น . 5. โรคไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) ในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ เป็นฤดูกาลระบาดของเชื้อไวรัส RSV โดยเฉพาะในทารก หรือเด็กเล็ก จะเป็นโรคนี้กันเยอะมาก โดยเชื้อนี้สามารถทำให้เกิดอาการปอดอักเสบได้ . อาการ : มีไข้ ไอ จาม หอบเหนื่อย หายใจเร็ว มีเสมหะมาก มีเสียงหวีดในปอด หากมีอาการคล้ายปอดอักเสบร่วมด้วยควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์ . วิธีรักษา : รักษาแบบประคับประคองตามอาการป่วย เช่น ให้ ยาแก้ไอ ละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม ยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูก ยาลดไข้ เป็นต้น . 6. โรคอุจจาระร่วง (diarrhea) นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนทำให้มีความชื้นในอากาศมากเชื้อโรคเจริญเติบโต และแพร่เชื้อได้ดี ทำให้อาหาร และน้ำดื่ม มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดโรคของระบบทางเดินอาหารได้ง่าย โดยเฉพาะโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน . อาการ : ถ่ายเหลว 3 ครั้งขึ้นไป คลื่นไส้ มีไข้สูง อาเจียนบ่อย รับประทานอาหารไม่ได้ . วิธีรักษา : ดื่มเกลื่อแร่โออาร์เอส รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่ายมากกว่าปกติ . 7. โรคมือ เท้า ปาก (Hand Foot Mouth Disease) อีกหนึ่งโรคฮิตของเด็กในหน้าฝน สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเตอโรไวรัส มีหลายสายพันธุ์ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง ติดต่อผ่านทางระบบทางเดินอาหาร และการหายใจ โรคมือเท้าปากมักระบาดในโรงเรียน ชั้นอนุบาลเด็กเล็ก หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก . อาการ : มีไข้ เจ็บปาก น้ำลายไหล มีผื่นเป็นจุดแดง หรือตุ่มน้ำใสที่บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า กินอาหารได้น้อย อาจมีผื่นตามลำตัว . วิธีรักษา : โรคมือเท้าปาก ยังไม่มียารักษาจำเพาะ หลักการรักษาเป็นการรักษาตามอาการ ให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาชาเฉพาะที่สำหรับแผลในปาก ดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยภาวะขาดน้ำ . 8. โรคหัด (Measles / Rubella) โรคหัดถือเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในเด็กเล็กรวมทั้งเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเด็ก การติดเชื้อเกิดจากการรับเชื้อไวรัสผ่านทางอากาศ การสัมผัสละอองน้ำลาย และน้ำมูกของผู้ป่วย ซึ่งช่วง 4 วัน ทั้งก่อน และหลังเกิดผื่นนั้น ถือเป็นระยะเวลาของการแพร่เชื้อ . อาการ : มีไข้สูง มีน้ำมูก ไอ ตาแดง มีผื่นเป็นปื้นสีแดง บริเวณไรผม มาที่หน้า ลำตัว แขน ขา . วิธีรักษา : ยังไม่มีตัวยาที่สามารถรักษา หรือกำจัดเชื้อไวรัสโรคหัดอย่างเฉพาะเจาะจง ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการดื่มน้ำวันละ 6–8 แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอ หากมีผื่นขึ้น ควรอยู่ในบ้าน เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 4 วันหลังจากผื่นเริ่มปรากฏ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้คนรอบข้าง . วิธีดูแลตนเองในช่วง ปลายฝนต้นหนาว 1. หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือคลุกคลีกับผู้ป่วย รวมทั้งไม่ใช้สิ่งของรวมกับผู้ป่วย เช่น จาน ช้อนส้อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ถ้ามีผู้ป่วยในบ้าน ควรให้ปิดปากด้วยหน้ากากอนามัย เวลาไอ หรือจาม 2. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธี หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ 3. ช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีคนแออัดอากาศถ่ายเทไม่สะดวก 4. กินอาหารที่มีประโยชน์ งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้ระบบภูมิต้านทานโรคในร่างกายต่ำลง และติดเชื้อได้ง่าย 5. ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาร่างกายให้อบอุ่น และไม่ใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้น 6. เมื่อเริ่มมีอาการไข้หวัด ควรนอนพักมาก ๆ และดื่มน้ำบ่อย ๆ ถ้าตัวร้อนมาก กินยาลดไข้ และใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัว หรือถ้าอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีอาการไอมากขึ้น แน่นหน้าอก มีไข้นานเกิน ๒ วัน ควรไปพบแพทย์ทันที 7. หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ควรไปพบแพทย์ทันที . ขอขอบคุณข้อมูลจาก: Ged Good Life . โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ ดูแลคุณด้วยหัวใจ Suksawat Inter Hospital / suksawatinterhospital.com

อ่านต่อ 2024/10/16


เช็คด่วน! 5 อาการ เตือน โรคข้อเข่าเสื่อม
เช็คด่วน! 5 อาการ เตือน “โรคข้อเข่าเสื่อม” ข้อเข่าเสื่อม เป็นอาการที่เกิดจากความเสื่อมสภาพและการสึกหรอจากการใช้งานของข้อเข่า อาการข้อเข่าเสื่อมไม่ได้เกิดในเฉพาะผู้สูงวัยเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย หากมีการใช้งานข้อเข่าไม่ถูกต้องหรือใช้งานหนักมากเกินไป เพราะเข่าถือเป็นอวัยวะสำคัญที่ใช้รองรับน้ำหนักตัว ทั้งการยืน การเดิน การวิ่ง . เช็คลิสต์ 5 ข้อ อาการข้อเข่าเสื่อม • ได้ยินเสียงดังในเข่า • ข้อเข่าฝืดแข็ง เหยียดหรืองอเข่าลำบาก • ปวดเสียวภายในข้อเข่า • งอเข่าได้ไม่สุด ข้อเข่าติดแข็ง • กล้ามเนื้อรอบเข่าอ่อนแรง เมื่อยง่าย ปวดเข่าตอน เคลื่อนไหว . “โรคข้อเข่าเสื่อมมักพบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปนอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในกลุ่มคนอายุน้อย เช่น ผู้ที่เคยได้รับบาดเจ็บของเส้นเอ็นกล้ามเนื้อบริเวณรอบข้อ กระดูกแตก มีภาวะของโรคบางชนิด เช่น เกาต์ รูมาตอยด์ เป็นต้น” . อีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะข้อเข่าเสื่อม ได้แก่ ท่าทางหรือการเล่นกีฬาบางชนิด เช่น นั่งยองๆ นั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ จะเกิดแรงกดที่กระดูกอ่อนของข้อเข่า และการเล่นกีฬาผาดโผน เช่น วิ่ง กระโดด จะทำให้เกิดความเสี่ยงภาวะข้อเข่าเสื่อมมากกว่าคนทั่วไป . ข่าเสื่อม … ป้องกันและรักษาได้ ข้อเข่าเสื่อม เกิดจากภาวะที่กระดูกอ่อนภายในข้อเข่าเกิดการสึกหรอ และทรุดตัว ทำให้มีอาการปวด บวม บริเวณข้อเข่า ซึ่งส่งผลต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน อาการข้อเข่าเสื่อมสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ปัจจุบัน ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมในประเทศไทยมีเพิ่มมากขึ้น และมีผู้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมปีละหลายหมื่นราย โดยผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดควรมีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป โดยผู้ที่มีอาการเหล่านี้ ควรเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม -มีอาการเจ็บปวดรุนแรง หรือบวมแข็งที่ข้อต่อเข่า -เจ็บปวดบริเวณข้อต่อเข่าอย่างรุนแรง ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมถึงการนอนหลับ -มีการผิดรูปของเข่า เช่น เข่าโค้งออก หรือเกเข้าใน -ขยับเข่าติดขัดลำบาก งอ หรือเหยียดเข่าลำบาก -ใช้การรักษาแบบอื่น เช่น เปลี่ยนวิธีการใช้งาน ยาทาน หรือการฉีดยาเข้าในเข่าไม่ได้ผล . โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ ดูแลคุณด้วยหัวใจ Suksawat Inter Hospital / suksawatinterhospital.com

อ่านต่อ 2024/05/21


โรคหัวใจมีกี่ชนิดอาการแบบนี้…เสี่ยงเป็นโรคชนิดไหน?
โรคหัวใจมีกี่ชนิดอาการแบบนี้…เสี่ยงเป็นโรคชนิดไหน? . โรคหัวใจและหลอดเลือด (Heart Disease) เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย และมีแนวโน้มว่าจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ทั้งปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น กรรมพันธุ์ อายุ เพศ และปัจจัยที่ควบคุมได้ เช่น การออกกำลังกาย น้ำหนักเกิน รวมไปถึงพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ดังนั้น ผู้ป่วยโรค หัวใจควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ในเรื่องการบริโภคอาหารและการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคอื่นๆ แทรกช้อนได้ . ชนิดและะอาการของผู้ป่วยโรคหัวใจดังนี้ - โรคหลอดเลือดหัวใจ: อาการเจ็บหรือแน่นหน้าอก ร้าวไปตามกราม แขน ลำคอ -โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ: อาการหัวใจเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติใจสั่น เหนื่อยง่าย -โรคกล้ามเนื้อหัวใจ: อาการเหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่มบวมตามแขน ขา -โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด: อาการเจ็บหรือแน่นหน้าอกร้าวไปตามกราม แขน ลำคอเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อทารกอยู่ในครรภ์มารดา -โรคลิ้นหัวใจ: อาการเหนื่อยง่ายและเกิดภาวะหัวใจวาย -โรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ: อาการไข้เรื้อรัง อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หัวใจเต้นผิดปกติ . การตรวจสุขภาพหัวใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ทุกท่านควรใส่ใจ . ห้องปฎิบัติการตรวจและการฉีดสีสวนหลอดเลือดหัวใจ( CATH LAB)โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ ให้บริการ 24 ชม. โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ ดูแลคุณด้วยหัวใจ Suksawat Inter Hospital / suksawatinterhospital.com

อ่านต่อ 2024/05/15


วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทำไมต้องฉีดทุกปี ?
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทำไมต้องฉีดทุกปี ? จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่บ่อยขึ้น ซึ่งไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส Influenza ที่กระจัดกระจายอยู่ในอากาศ เมื่อใดที่ภูมิคุ้มกันของเราอ่อนแอลงและได้รับเชื้อเข้าไป ก็จะส่งผลให้เราป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ ซึ่งวิธีการป้องจากการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุดก็คือ…การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ . สาเหตุที่ต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี เป็นเพราะ...? -เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เปลี่ยนสายพันธุ์ทุกปี -ลดโอกาสป่วย ด้วยการฉีดก่อนฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่โรคระบาดหนัก -ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง -ช่วยให้มีภูมิคุ้มกัน ครอบคลุมกับเชื่อไวรัสในแต่ละปี หลังฉีดวัคซีน 2 สัปดาห์ จะเกิดภูมิคุ้มกันได้นานถึง 1 ปี . ใครบ้างที่ “ควร” ได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ? ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ เบาหวาน หลอดเลือดสมอง ไตวาย หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ และโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด -หญิงมีครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือน ขึ้นไป -บุคคลที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป -เด็กเล็ก อายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี -ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ -ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย -ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ติดเชื้อ HIV โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพอยู่แล้ว ยิ่งสมควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี . โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ ดูแลคุณด้วยหัวใจ Suksawat Inter Hospital / suksawatinterhospital.com

อ่านต่อ 2024/05/02


ติดต่อเรา

โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ เลขที่ 272 ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ 10140

02-874-6766 (ถึง) 70
FAX : 02-427-4070
แผนที่และการเดินทาง

              

โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์

เลขที่ 272 ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ 10140

   02-874-6766 (ถึง) 70

                   

ฝากข้อความติดต่อกลับ

ฝากข้อความติดต่อกลับ

-->

กดติดตามรับข่าวสาร

Copyrights © 2025 All Rights Reserved. www.suksawatinterhospital.com Version 1.0. Designed by webbeedev.com +83,852 Times.